สรรพคุณว่านคางคกใหญ่

ว่านคางคกใหญ่
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของว่านคางคงใหญ่
ต้นและหัว  ของว่านคางคกใหญ่ จัดว่าเป็นพืชประเภทไม้ล้มลุก ลักษณะของหัวว่านจะทิ้งใบในช่วงฤดูแล้ง  หัวว่านมีผิวขรุขระ เหมือนหนังคางคก(ตามชื่อเรียก ว่านคางคก)  ลักษณะกลม ขนาดเล็กดูราวกับว่านคางคกหมอบจริงๆ

 
   ใบ ก้านมีสีเขียว กลมเรียว บริเวณปลายทางด้านบน เป็นร่อง  ก้านใบยาว แทงออกมาจากหัวใต้ดิน ใบเป็นรูปหัวใจ ปลายใบแหลมเป็นติ่งเล็ก ๆ โคนใบค่อนข้างกลมหยักและแคบ  เส้นกลาง และเส้นด้านบนเป็นร่อง ด้านล่างนูนเป็นเส้น สีเขียวอ่อน
สรรพคุณ ว่านคางคกใหญ่
      ว่านคางคกใหญ่ มีสรรพคุณหลายอย่าง แต่ผมจะพูดเฉพาะที่รู้จากการศึกษามา ที่พิสูจน์แล้วว่า มีสรรพคุณอย่างที่พูดจริง อ้าวมาดูกันว่า ว่านคางคกนั้น มีสรรพคุณอะไรบ้าง

๑ สามารถรักษาโรคผิวหนัง เช่น รักษาโรคกลากเกลื้อน เป็นเม็ดผื่นคัน  เป็นต้น วิธีการใช้ก็ไม่ยากเย็นอะไรเลย ท่านว่า
ให้เอาหัวว่านมาโขลก(ตำ)ประมาณ ๒ถึง๓ หัว โขลกให้พอประมาณไม่ต้องละเอียดมาก แล้วนำไปผสม กับน้ำมันมะพร้าว
นำไปทาที่บริเวณที่เป็นกลากเกลื้อน หรือ บริเวณที่เป็นโรคผิวหนัง ก่อนทาต้องทำความสะอาดผิวหนังให้สะอาดก่อน โดยใช้สำลี ชุบ ทา เช้า เย็นไม่เกิน ๗ ถึง ๑๐วัน อาการของโรคผิวหนังก็จะ อันตรธานหายไปจากท่าน อย่างแน่นอน

๒ ว่านคางคกใหญ่ ยังมีสรรพคุณด้านคงกระพันชาตรี  เหมาะสำหรับ นักมวย  นักเลงหัวหมอ คนคุมวิน  พวกทวงหนี้อย่างเร่งรัด การ์ดทุกสี(ล้อเล่นครับ)พวกชอบ ปะฉะดะสามารถใช้ได้หมดหละ  ต้องว่านคางคกใหญ่ นี่เล๊ย จัดไปรับรองไม่ผิดหวัง  วิธีการใช้สำหรับคงกระพันชาตรี ง่ายๆให้นำ ว่านคางคกใหญ่ล้างให้สะอาด ก่อนออกศึก ให้เอาหัวว่าน ต้องหัวว่านนะขอย้ำ ไม่ใช่ใบ มาเคี้ยวสักหัวนึง สักครู่ไม่ถึง ท่านจะรู้สึกว่าผิวหนังเริ่มคันหยุบหยับ ซู่ซ่า และชาหนึบ ทีนี้หละครับหากอาการเป็นอย่างที่ผมบรรยายมาหละก็ พร้อมใช้งานได้เลย ของมีคม เช่น มีด ดาบ หอก ขวาน ดาหน้าเข้ามาไม่มีทางได้ลิ้มเลือดท่านได้หรอก แต่ไม่รับรองเรื่องทน ไม้กระบอกครับ เพราะว่ามันไม่แตก แต่ช้ำใน

       ที่ผมอธิบายสรรพคุณของว่าน คางคกใหญ่ มาทั้งหมดนั้น ไม่มีเจตนาเพื่อส่งเสริมให้ท่านเป็นอันธพาลแต่อย่างใด เพียงแต่มีเจตนาถ่ายทอดความรู้ที่มี ให้กับคนที่สนใจ และให้รู้สึกหวงแหนในภูมิปัญญาของคนรุ่นหลังเรา หรือ หากท่านใดสมองดี ก็ลองวิจัยดู ว่า ทำไมว่านคางคกใหญ่ถึงมีสรรพคุณอย่างนี้ และสามารถนำไปต่อยอดสกัดเป็นตัวยา หรือสารเคมี(หัวเชื้อ)ส่งเป็นสินค้า แบรนด์ไทยไปโกยเงินดอลล่าห์เข้ามาไทยเรา ว๊า..ผมฝันมากไปครับ
       อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อมั่นว่า ว่านคางคกใหญ่ยังมีสรรพคุณอีกมากที่ยังไม่มีใครรู้ หรือรู้เป็นแค่บางที่ บางบุคคล หากท่านมีสรรพคุณอื่นๆนอกจากที่ผมพูดมานี้ก็ส่งข้อมูลมา หรือ ร่วมแสดงความคิดเห็นได้นะครับ ผมยินดีรับฟังและจะปรับปรุงเนื้อหา ว่านไทย สรรคุณว่าน วิธีปลูกว่าน การดูแลรักษาว่าน ตลอดไป
   วิธีปลูกว่านคางคกใหญ่
ขยายพันธ์ ด้วยการใช้หัวว่าน
ดินที่ปลูก ดินร่วนปนทราย และ ชอบ มูลสัตว์ เช่นขี้วัว ขี้ควาย ขี้หมู แต่ต้องแห้งนะครับ การปลูก สามารถปลูกได้ทั้งในพื้นดินธรรมดา หรือ กระถางก็ได้ ให้ฝังหัวว่านลงในดิน ให้หัวว่านคางคกใหญ่โผล่ เหนือดินเล็กน้อย กะเอาว่า ประมาณ  หนึ่งในสี่ส่วนของว่าน รดน้ำวันละสองครั้ง ไม่ต้องแฉะมาก เพราะคางคกใหญ่ไม่ชอบน้ำแบบแฉะ เอาแค่ชุ่มก็พอ
เดือนที่ปลูก เดือน ๕ หรือ เดือน ๖ ข้างขึ้น ขลังดีนักแล อนึ่งเคล็ดลับหากเราต้องการให้ มี หัวว่านโต อวบ ควรปลูกในที่ร่มมีแสงแดดรำไรๆ รับรองว่าหัวว่านคางคกใหญ่ของท่าน หัวใหญ่ไม่เหมือนใครแน่นอน คร๊าบ
……ผม

สรรพคุณ ว่านกวักเงิน


ว่านกวักเงิน

 ลักษณะว่านกวักเงิน
   ต้นของว่านกวักเงิน  และหัว ลำต้น เป็นลำและ ชูตั้งคล้ายกับ ว่านกวักทางลาย  เป็นปล้องคล้ายต้นอ้อย แต่ปล้องของว่านกวักเงินจะ ถี่กว่าและสั้นกว่า อีกทั้งรากก็มีขนาดใหญ่กว่าด้วย

     ใบ ก้านใบสั้น ของว่านกวักเงิน และใบหนา หน้าใบมีพื้นสีขาวจางๆ  อยู่บนใบที่มีสีเขียวเข้ม มีรอยประสีขาวอยู่ทั่วแผ่นใบ
     ดอกของ ว่านกวักเงิน คล้ายดอกจำปีออกตรงโคนกาบ ที่ยอดของต้นเขียว บานเพียงเล็กน้อย แล้วก็หุบเหมือนเดิม   
 สรรพคุณ ว่านกวักเงิน
     สรรคุณ ของว่านกวักเงิน ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นมงคล กวักเงินเข้าบ้าน กวักเงินเข้าร้าน หากท่านใด ปลูกไว้ในบ้านแล้ว ด้วยอิทธิฤทธิ์ของว่านกวักเงิน จะดลบันดาลให้บ้านนั้นมีแต่โชคลาภ  อยู่เย็นเป็นสุข  ราบรื่นในสิ่งทั้งปวง อีกทั้งเป็นที่รักใคร่แก่ผู้มาเยือน หากว่าตั้งว่านนี่อยู่หน้าร้าน ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของ ร้านเสริมสวย ร้านขายอาหารตามสั่ง หรืออื่นๆก็ได้ ที่เป็นการค้าขาย และให้บริการ จะดีอย่างมากเหมาะสมที่สุด และท่านจะซื้อมา ขายคล่อง คิดสิ่งใดจักสมหวังดั่งใจนึก
    ยังไม่พอ สำหรับสรรพคุณ ของว่านกวักเงิน ยังมีเรื่องคงกระพันชาตรีอีกด้วย แต่ก่อนกิน ให้เสกด้วยพระคาถา นะโมพุทธายะ ท่อง ๓ จบ เป็นว่านเสี่ยงทาย ที่นิยมถึงปัจจุบัน ทรงต้นว่านกวักเงินทรงสวยงาม ยิ่งต้นทีเจริญๆ แล้วยิ่งสวยมากทีเดียว
       
วิธีปลูก ว่านกวักเงิน
    ว่านนางกวัก ขยายพันธ์ด้วย การแยกหน่อ ดินที่ใช้ ต้องเป็นดินร่วนปนทราย  ผสมในพืชผุพัง  เปลือกถั่ว หญ้าสับแห้ง ฟางข้าว  คลุกเคล้าเพื่อเป็นดินปลูก  และต้องใช้กระถางสวยๆ จะช่วยเสริมต้นว่านกวักให้เด่นงามยิ่งขึ้น  และปลูกใหม่ต้องระวังโดยให้ถูกแดดเพียงรำไรๆไปก่อน จนกว่าจะทรงตัวได้  หัวใจของการปลูกว่านด้วยหน่อในกระถาง  คือทางระบายน้ำนั้นสำคัญมาก    เพราะจะต้องมีเป็นอันดับแรก  โดยรดน้ำพอดิน แต่พอเปียกเท่านั้น  ควรรดน้ำในช่วงเย็น อาทิตย์ลับฟ้าไปแล้ว คาถาสวดใช้นะโมพุทธายะ๓ จบ เพื่อความ ขลังและศักดิ์สิทธิ์ของ ว่านกวักเงิน




สรรพคุณ ว่านหางจรเข้


ว่านหางจรเข้

 ลักษณะว่านหางจระเข้
    มีใบหนา และมีความยาวคล้ายกับลักษณะหางจระเข้  โคนใบใหญ่ ปลายใบแหลม มีหนามแหลมเป็นระยะๆ ตลอดขอบใน ใบซ้อนกันเป็นชั้น ๆโคนต้นแข็งมาก และเลื้อยออกไปเป็นทางยาว เมื่อหักใบออกมา จะสังเกตเห็นด้านในเป็นวุ้นครับ
 สรรพคุณ ว่านหางจระเข้
      ว่านหางจระเข้ มีวุ้นใส เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเย็น ทำให้มีคุณบัติดับความร้อนได้อย่างดี เช่น ปวดหัว ให้หั่นตามขวาง แล้วนำมาปิดที่ขมับเพื่อบรรเทา อาการปวดหัว หรือ พวกฝีดูดได้อย่างดี และนำวุ้นมาผสมกับสารส้ม กินแก้โรคหนองใน ได้อีกด้วย และสรรพคุณว่านหางจระเข้นั้น ยังมีอีกมากครับเกินกว่านี้

วิธีปลูก ว่านหางจระเข้
 ขยายพันธ์ โดยการแยกหน่อ นำมาปักดิน สามารถปลูกได้ทั้งดินร่วนและ ดิน ร่วนปนทราย มีความทนทานสามารถปลูกได้ทั้งกลางแดด และในร่มครับ





สรรพคุณ ว่านหนอนตายอยาก


ว่านนอนตายอยาก

 ลักษณะว่านนอนตายอยาก
    หัวแยกเดี่ยวเป็นเส้นยาว ลักษณะขึ้นเป็นกระจุก มีลายเส้นละเอียดบนหน้าใบ รากคล้ายกระสวย ออกเป็นกระจุกคล้ายกระชาย

 สรรพคุณ นอนตายอยาก
    ว่านนอนตายอยาก  ใช้ประโยชน์จากอย่างมากในการกำจัดเชื้อรา และแบ็คทีเรีย หรือ ให้เอาหัวว่านมาตำหรือโขลกผสมกับ น้ำมันพืช กำจัดเห็บ เหาได้อย่างดี อีกทั้งยังสามารถนำไปผสมกับ ใบชะเดา เพื่อใช้เป็น สมุนไพรกำจัดศัตรูพืชได้อีกทาง
 
วิธีปลูก ว่านนอนตายอยาก
    ปลูกได้ทั้งดินร่วน และร่วนปนทราย ลำต้นบนดินจะเจริญงอกงามในหน้าฝน ส่วนรากจะงอกยาวถึงประมาณ 12-20 ซม.





สรรพคุณ ว่านม้าเหลือง


ว่านม้าเหลือง

 ลักษณะว่านม้าเหลือง
     ต้นเหมือนขมิ้น  ลำต้แดง  ร่องกลางใบ และหลังในมีสีแดง หัวและเนื้อในหัวเป็นสีเหลือง เป็นหัวขนาดกลาง หัวเป็นขอคล้ายหัวม้า หัวมีรสเผ็ด ถ้างามมาก จะแตกออกเป็น 2-3 หน่อ
      
สรรพคุณ ว่านม้าเหลือง
      หากท่านใดที่ทำงานหนัก ต้องใช้พละกำลังในการทำงาน ผมว่า  ว่านม้าเหลืองนี้แหละสุดยอดแล้ว ท่านว่า ให้นำว่านม้าเหลือง ฝานเป็นชิ้นบางๆ มาอมหรือ ฝานแล้วมาทาที่ หน้าแข้ง คุณเอ๊ย ขยันจัดทำงานไม่รู้จัเหน็ดเหนื่อย ยิ่งเหงื่ออก ยิ่งทำงานได้อย่างคึกคักทีเดียว พละกำลังห้าวหาญ ทำงานหรือออกกำลังได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย สมัยโบราณท่าน หากเกิดยามศึกสงคราม ท่านให้ทหารหน่วยสอดแนม หรือม้าเร็ว ทั้งกินทั้งทา เพื่อการเดิน วิ่งได้อย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย
   
     และสุดยอดด้านสรรพคุณ คือ หากเจ็บปวด เคล็ดขัดยอก ให้ฝานเป็นแผ่นบาง มาทาตรงที่เราเจ็บ อาการจะบรรเทาและหายเจ็บไปเอง เห็นสรรพคุณของว่าน นี่แล้ว ผมว่าอย่างไรก็ต้องนำไปใช้ในทางที่ถูกที่ควรนะครับ อย่าลืมว่าทุกสิ่งทุกอย่าง มีคุณก็ย่อมมีโทษ รู้แล้วก็แล้วแต่ดุลยพินิจ ของแต่ละท่านแล้วครับ
      
วิธีปลูก ว่านม้าเหลือง
   ใช้ดินร่วนปนทรายเป็นดินปลูก โดยเอากระถางที่ล้างสะอาด เอาดินใส้ครึ่งกระถาง แล้วเอาวานวาง เอาดินกลบอีกทีหนึ่ง แต่อย่าให้มิดมากนะครับ ให้มีหัวโผล่พ้นดินเล็กน้อย




สรรคุณ ว่านคันทมาลา


ว่านคันทมาลา

 ลักษณะว่านคันทมาลา
    ต้นและ ใบเหมือนขมิ้นอ้อย ต้นแดง กลางใยแดง เนื้อด้านในของว่าน เป็นสีม่วง

 สรรพคุณ ว่านคันทมาลา
    เป็นยา ที่มีคุณบัติแก้บิด แก้ท้องขึ้นท้องร่วง  โดยให้เอา ว่านคันทมาลา มาฝนกับเกลือสินเทา แทรกน้ำร้อนก็ได้ น้ำปูนใสก็ได้ ถ้าต้มหรือ นำมาดองกับเหล้าขาว  กินเป็นยาชักมดลูก เพื่อให้เข้าอู่เร็วขึ้น ในรายที่คลอดบุตร อยู่ในเรือนไฟ ฝนกับน้ำปูนใสทาท้อง แก้ปวดท้องในเด็ก ฝนกับสุราทา หรือแก้เจ็บคอ เอาหัวมาโขลก และห่อด้วยผ้าขาว ดองกับเหล้าขาว กินแก้ริดสีดวงทวารหนัก และลำไส้
 
วิธีปลูก ว่านคันทมาลา
    ใช้ดินร่วนปนทราย เอาว่านมาปลูก ให้กลบพอมิดไม่ต้องฝังลึก เอาน้ำรดให้ชุ่ม






สรรพคุณ ว่านกระบี่ทอง


ว่านกระบี่ทอง
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Curcma sp.
วงศ์ขิง                      : Zingiberceae
ชื่อเรียกอื่นๆ             : ว่านนางวันทองห้ามทัพ

ลักษณะว่านกระบี่ทอง
      ต้น และหัว เป็นพันธ์ไม้ล้มลุก มีลักษณะเป็นแง่ง หรือเหง้า เนื้อด้านในมีสีเหลือง กลิ่นหอม ว่านมีขนาดเล็ก แต่ยาวติดกันเป็นแผง มีลักษณะคล้าย ว่านหนุมานยกทัพ เมื่อแตกออกมาใหม่ๆ ปลายหัวว่าน มีสีเขียวเข้ม หัวแก่  จะมีสีเหลืองตลอดและปลายหัวจะเป็นสีขาว เนื้อในหัวสีเหลืองอ่อน

สรรพคุณ ว่านกระบี่ทอง
๑ อมแก้แผลในปาก
๒ อม แก้เจ็บคอ หวัดลงคอ แก้ลิ้นแตก ปากเปื่อย
๓ แก้ริดสีดวงจมูก คอตีบ แผลในจมูก
๔ ใช้เพื่อคงกระพันชาตรี แก้อาถรรพ์ หรือ ถอนอาคม จากฝ่ายตรงข้าม
๕ นำว่านไปแช่ศาสตาวุธ ก่อนออกศึก เชื่อกันว่า สามารถทำลายล้าง ความอยู่ยง คงกระพันของฝ่ายตรงข้ามได้
      ว่านกระบี่ทองนี้ ต้องยกย่องว่า  สรรพคุณหลากหลายมาก ทั้งรักษาโรคภัย หรือ ความคงกระพันชาตรี นับว่าสุดยอดอีกว่าน อีกหนึ่งว่านครับ      
วิธีปลูก ว่านกระบี่ทอง
ขยายพันธ์ด้วย วิธีแยกเหง้า หรือแยกหน่อ ที่เกิดออกมาใหม่ หากท่านปลูกในแปลง ควรฝังหัวว่าน ให้ระยะห่างกัน อย่าให้มีระยะติดกันมากไป เพื่อจะได้หัวว่านที่มีลักษณะ สวยงาม เมื่อว่าน โตขึ้นจะได้จะไม่ได้แย่งอาหารกัน
       ปลูกใน ดินร่วนปนทราย  รดน้ำแล้วเสกด้วย พระคาถานะโมพุทธายะ ท่อง ๓ จบ เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ครับ

สรรพคุณ ว่านกระแตไต่ไม้


ว่านกระแตไต่ไม้

 ลักษณะว่านกระแตไต่ไม้
หัวมีลักษณะคล้ายกระแต (กระแตเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง ที่มีลักษณะคล้ายๆกระรอก แตกต่างเล็กน้อย) มีขนสีน้ำตาลคล้ายขนกำมะหยี่ ใบมีสีเขียวเข้ม ก้านใบมีสีน้ำตาล จะแตกยอดทางหาง

 สรรพคุณ ว่านกระแตไต่ไม้
    คนโบราณมักจะนำหัวว่านกระแตไต่ไม้ มาทำการปรุงเป็นยา เพื่อรับประทาน  แก้นิ่วและ ปัสสาวะพิการ และยังช่วยขับละดูขาว  และเข้าเครื่องยาเพื่อแก้โรคเบาหวาน แก้ไตพิการ  อีกทั้งยังสามารถนำขน ของว่านกระแตไต่ไม้ มามวนเป็นยาสูบ เพื่อแก้ริดสีดวงทางจมูกได้อีก สุดยอดจริงๆสำหรับว่านชนิดนี้

วิธีปลูก ว่านกระแจะจันทร์
    ว่านกระแตไต่ไม้  เป็นว่านที่เกาะติดกับต้นไม้ใหญ่  ดังนั้นหากเราจะทำการปลูกว่าน กระแตไต่ไม้  ต้องจำลองการเกาะติดของว่านให้ดี โดยอาจจะหาเชือกมามัดเพื่อยึดเกาะติดกับต้นไม้ใหญ่ จนกว่าจะติดและออกรากงอกออกมา ถึงจะถือว่าใช้ได้







สรรพคุณ ว่านกระเช้าผีมด

ว่านกระเช้าผีมด

ชื่อทางวิยาศาสตร์ :Hydnophytum formicarun(jack)
วงศ์ :Rubiaceae
ชื่อื่นๆ :ร้อยรู หัวร้อยรู ปุ่มเป้า คาลูปิตาลีมา

ลักษณะว่านกระเช้าผีมด

ต้นและหัวกระเช้าผีมด เป็นพันธ์ไม้พุ่ม ที่เกาะอยู่กับตันไม้อื่น โคนของต้นเป็นหัว มีผิวไม่เรียบ ตะปุ่มตะป่ำ สีออกน้ำตาลเข้ม ภายในของหัวว่าน กระเช้าผีมด จะมีรูพรุน ที่ทะลุถึงกันได้ และเป็นที่อาศัยของมดดำ เนื้อด้านใน ของว่านกระเช้าผีมด สีน้ำตาลไหม้ และด้านใต้มีรากฝอยอยู่ประปราย

ลำต้น จะงอกออกในส่วนบน ของหัวว่าน ลักษณะลำต้นมีผิว ขรุขระสีน้ำตาลปนเทา
ใบของกระเช้าผีมด ใบขาวรีปลายมร ใบไม่แข็งมากนัก สีเขียว

สรรพคุณ ว่านกระเช้าผีมด

สรรพคุณ มีมากมายครับ มีดังนี้

๑ ใช้บำรุงหัวใจขนานเอก
๒ ขับพยาธิ และแก้พิษ ในกระดูก แก้พิษประดง
๓ แก้เข่า ข้อต่อ เท้าอักเสบ เช่น โรคเก๊าส์ (โรคคนรวย) ปวดบวมตามข้อในร่างกายต่างๆ ได้ดีนักแล
๔ บำรุงโลหิต สำหรับท่านที่มีปัญหาเรื่อง เลือด เช่นโลหิตจาง เป็นต้น


วิธีปลูก ว่านกระเช้าผีมด

กระเช้าผีมด เป็นว่าน ที่ชอบอาศัย อยู่ตามเปลือกไม้เนื้อแข็ง เช่น เปลือกกาบต้นมะขาม ต้นมะม่วง ต้นประดู่ หรือ ต้นอื่นๆ ที่มีลักษณะกาบแข็ง

     ดังนั้นหากเราจะนำกระเช้าผีมด ควรจะปลูกตามต้นไม้ที่กาบแข็ง โดยนำกาบมะพร้าวมา ๒ ชิ้น ประกบเข้าที่โคนหัว รัดให้แน่นกับกิ่งไม้ ด้วยเชือกปอ ขอย้ำครับต้องเป็น เชือกปอ (ห้ามใช้ เชือกพลาสติกเป็นอันขาด) รดน้ำให้ชุ่ม อย่าให้โดนแดดจัด ในช่วงระยะเวลาปลูกตอนแรกๆ จนกว่าจะตั้งตัว ได้ครับ

สรรพคุณ ว่านลูกไก่ทอง

ลักษณะ ว่านลูกไก่ทอง

   ว่านลูกไก่ทอง หากมองใกลๆ มีลักษณะคล้ายลูกไก่ตัวเล็ก มีลักษณะขนปุยสีทอง เป็นที่น่าอัศจรรย์ สมดังชื่อเรียกจริง ๆ ว่านลูกไก่ทอง ที่มีคำว่าทอง คงเป็นเพราะลักษณะขนที่เป็นเส้นออกสีน้ำตาลเป็นเส้นเล็กๆ หากมองดูยามเช้า ตอนพระอาทิตย์ ขึ้นใหม่ประมาณ ตีหา้ครึ่งถึง สองโมงเช้า จะมีสันเหลืองก็เลยเป็ที่มาของคำว่าทอง

สรรพคุณ ว่านลูกไก่ทอง

    มีสรรพคุณ ช่วยห้ามเลือด อันเกิดจาก ของมีคมบาด เช่นมีดบาด แก้วบาด เหยียบตะปู หรือ อื่นๆ ที่เกิดจาก ของมีคมทุกชนิด ว่ายังงั้นง่ายกว่า วิธีการใช้ หากมีบาดแผล เลือดไหลซิบๆ อยู่ ให้ถอนขนว่านลูกไก่ ว่านสักหยิบมือหนึ่ง ให้โรยขนว่านลูกไก่ทอง ลงที่บาดแผลนั้น แล้วสักครู่เลือดที่ไหล จะหยุดและอานุภาพของว่าน ลูกไก่ทอง จะทำงานโดยการห้ามเลือดได้ชะงักเลยทีเดียว สุดยอดใหมหละครับ ว่านดีๆอย่างนี้รู้แล้วต้องบอกต่อ

    สรรพคุณอีกอย่าง คือ หากบ้านใด สัตว์เลี้ยงเช่น วัว ควาย หมู หมา เกิดโรคติดต่อ ให้ท่านนำขนว่านลูกไก่ทองนี้ ไปแช่กับน้ำ แล้วให้สัตว์ที่ป่วยนั้นกิน หลังจากนั้นสัตว์จะหายป่วยอย่างน่าอัศจรรย์ รู้สรรพคุณ ว่านลูกไก่ทอง แ้ล้วก็อย่าลืมหามาปลูกที่บ้านท่านจะดีมาก

   และความหัศจรรย์ของว่านลูกไก่ทองนี้ บางคนที่ปลูกว่านนี้แล้ว บางทีตอนเช้า ได้ยินเสียงเหมือนลูกไก่ ร้อง จิ๊บๆๆๆๆ เหมือนมีหลายตัว อยู่แถวกระถางที่ปลูกว่านลูกไก่ทอง แต่พอเดินมาดูกลับไม่พบอะไรเลย ผมให้คำตอบแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย เป็นเพราะอานุภาพของว่านลูกไก่ทองนี่แหละ ที่ทำให้ได้ยินเสียงลูกไก่ ร้องอย่างนั้น




วิธีปลูกส่านลูกไก่ทอง


     เนื่องจากการว่านไก่ทอง เป็นว่านที่ศักดิ์สิทธิ์ ควรจัดหาสถานที่ให้เหมาะสม โดยพิจารณาดังนี้
สถานที่ อยู่ในที่ร่ม มีลมโกรก ไม่มีน้ำแฉะขัง
ดินที่ใช้ เป็นดินร่วนปนทราย แต่ให้หนักทรายมากหน่อย เพราะลูกไก่ ชอบเล่นดินทรายครับ(สมมุติ)
กระถาง ต้องเป็นกระถางดิน และรองด้วยเศษอิฐมอฐ ที่ทุบเป็นก้อนหยาบๆรองก้นกระถาง ป้องกันนำ้ขัง
ตำแหน่งการวาง ควรจัดวางกระถางไม่ให้ใกล้ คนเดินข้ามไปมา(เพราะเป็นว่านศักดิ์สิทธ์)รดน้ำพอประมาณไม่ต้องแฉะมาก ลูกไก่ไม่ชอบ

     เห็นว่านดีๆอย่างนี้ ต้องแนะนำท่านรีบ หามาปลูกเลยนะครับ เพราะดีจริงๆ

สรรคุณ ว่านกำบัง

           หากท่านผู้อ่านที่ชื่นชอบ ความมหัศจรรย์ของว่านไทย ที่มีมาก เกินกว่าจะพูดถึงทุกเรื่องได้ ยิ่งหากพูดถึงเรื่อง ว่านเกี่ยวกับคงกระพันชาตรี กล่าวคือ มีสรรพคุณด้านทำให้คนที่ใช้นั้น มีหนังชา และฟันแทงไม่เข้า คนที่ชอบเรื่อง ประจัญบาน ปะฉะดะอย่างนี้ ต้องว่านประเภทนี้ ซึ่งผมเองจะแนะนำให้ท่านผู้อ่านที่รักได้ รู้จักว่านนี้มากขึ้น หากท่านใดที่มีข้อมูลมากกว่านี้ ผมเองยินดีมากที่จะแรกเปลี่ยนข้อมูลกับท่าน
          
           ว่านกำบัง ชนิดคงกระพันชาตรี ปกป้อง

สรรพคุณ ว่านกำบัง  
   สามารถใช้ป้องกันภัยจากคุณไสย ป้องกันอันตราย ที่จะเข้ามากล้ำกรายคุ้มครองทุกคน ภายในบ้านเรือน และสามารถพกว่านกำบังติดติดตัว เมื่อเดินทางจะแคล้วคลาดจาก ภยันตรายทั้งปวง และทุกครั้งที่ จะใช้ว่านกำบัง ต้องสวดคาถา พุทธคุณนโมพุทธายะ 3 จบทุกครั้ง และนำหัวว่านกำบังมากิน  ก็จะคงกระพันชาตรี หนังจะรู้สึกชา และจะคงสภาพความคงกระพันได้ จนกว่าจะปัสสาวะออกมา สรรพคุณว่านกำบังก็จะหมดไป หากท่านต้องการความเหนียวอีก ก็นำว่านกำบัง มาเคี้ยวอีกเท่านี้ท่านก็ ปะฉะดะได้แล้ว
    
ข้อมูลเกี่ยวกับว่านกำบัง
            ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Kaempferia sp.
        วงศ์ขิง                     :  Zingiberaceae
        ชื่อเรียกอื่น              : ว่านกำบังกาย ว่านกำบังภัย

วิธีปลูกว่านกำบัง
เนื่องจากว่านกำบังเป็นว่านที่มีอิทธิฤทธิ์มีคุณวิเศษ  ดังนั้นดินที่จะนำมาปลูกต้องสะอาด ปราศจากมลทินใดๆ
โดยใช้ดินกลางแจ้ง มาเผาไฟ และทุบให้แตกละเอียด แล้วนำมาตากน้ำค้างไว้หนึ่งคืน เสร็จแล้วนำมาคลุกเคล้ากับพืชกระกูลถั่ว และต้องระวังอย่าให้สัตว์หรือคนเองเดินข้ามเด็ดขาด โดยกระถางต้องล้างให้สะอาด ผู้ปลูกเองต้องมีสมาธิ และจิตใจตั้งมั่นในขณะที่ปลูก  ระหว่างนั้นต้องสวดมนต์คาถา อิติปิโสภควา  ท่องสามจบ หัวว่านอย่าฝังจนมิดหัว ให้หัวว่านโผล่เหนือดินเล็กน้อย และอย่าให้น้ำขังนะครับและควรปลูกวัน พฤหัสบดี และวันเสาร์  การจัดวางกระถางว่าน ให้วางครบทั้ง สี่ทิศ หรือตั้งไว้แถวนอกสุดเพราะเป็นการกำบังกาย ไว้ป้องกันภัยทั้งปวง

   เป็นอย่างไรกันบ้างครับ พอทราบข้อมูลว่าน กำบังกันบ้างแล้วพอสมควร  ว่านกำบังเป็นสุดยอดว่านด้านนี้มากหากท่านใดมีว่านนี้ครอบครองก็แสดงความยินดีกับท่านด้วย จะดีมากหากท่านเพาะปลูก ขยายว่านกำบังนี้ปลูกแจกจ่าย ญาติสนิท มิตรสหายเพื่อนฝอง พี่น้องของท่านด้วย และที่สำคัญ ของทุกอย่างมีคุณก็มีโทษได้ แล้วแต่การนำไปใช้ด้านใด เลือกใช้ด้านดี ได้ดี เลือกใช้ด้านชั่วก็จะพบกับความเดือดร้อนได้ครับ

สรรพคุณ ว่านเพชรน้อย


ว่านเพชรน้อย

 ลักษณะว่านเพชรน้อย
 ว่านเพชรน้อย มีลักษณะใบเล็กยาว  กลางใบมีเส้นสีแดง  หัวกลมเล็ก  มีขึ้นตามป่าทึบ  มีทั่วไปในเมืองไทย


 สรรพคุณว่านเพชรน้อย
   ใช้หัวกิน  ทำให้เกิดอาการชาตามผิวหนัง  ระงับความเจ็บปวด  เมื่อยล้า แก้กษัย แก้กล่อน  หัวใช้ดองกินกับเหล้าเป็นยาขับ ระดู แก้อาการกระตุกเนื่องจากเส้นประสาทพิการ
   หากท่านต้องการ ปึ๋งปั๋ง วัยดึกผมมีตำราอายุวัฒนะ  มาฝากท่านมีดังต่อไปนี้
   นำว่าน เพชรน้อย  เพชรใหญ่ ว่านกระชายดำ ว่านเพชรใหญ่ และว่านไพลดำ  รวม ๔ อย่าง เอาหัวทั้งมาบดเป็นผง  ผสมน้ำผึ้ง ปั้นเป็นเม็ดกลอน ขนาดเท่า เม็ดถั่ว พลู  กินวันละ  ๒ ครั้ง เช้าเย็นก่อนอาหาร เป็นยาเจริญอาหาร  และยาอายุวัฒนะ ที่รับประกันขนานหนึ่งครับ
วิธีปลูกว่านเพชรน้อย

  ใช้ดินร่วน หรือร่วนปนทราย เป็นเม็ดปลูก  โดยกลบหัวว่านพอฝังมิดเท่านั้น  รดน้ำพอเปียกทั่วครับ

สรรพคุณ ว่านเพชรใหญ่


.ว่านเพชรใหญ่

 ลักษณะว่านเพชรใหญ่
 ว่านเพชรใหญ่ มีใบเล็กยาว  ใบและก้านมีเขียว  หัวกลมโตเท่าเม็ดพุทรา ต้นและหัวเหมือน กับว่าน เพชรน้อย  แตกต่างกันที่สี  คือ เพชรน้อยจะต้นสีแดง  ส่วนว่านเพชรใหญ่ลำต้นสีเขียว


 สรรพคุณว่านเพชรใหญ่
   ใช้หัวกิน  ทำให้เกิดอาการชาตามผิวหนัง  ระงับความเจ็บปวด  เมื่อยล้า แก้กษัย แก้กล่อน  หัวใช้ดองกินกับเหล้าเป็นยาขับ ระดู แก้อาการกระตุกเนื่องจากเส้นประสาทพิการ
   หากท่านต้องการ ปึ๋งปั๋ง วัยดึกผมมีตำราอายุวัฒนะ  มาฝากท่านมีดังต่อไปนี้
   นำว่าน เพชรน้อย  เพชรใหญ่ ว่านกระชายดำ ว่านเพชรใหญ่ และว่านไพลดำ  รวม ๔ อย่าง เอาหัวทั้งมาบดเป็นผง  ผสมน้ำผึ้ง ปั้นเป็นเม็ดกลอน ขนาดเท่า เม็ดถั่ว พลู  กินวันละ  ๒ ครั้ง เช้าเย็นก่อนอาหาร เป็นยาเจริญอาหาร  และยาอายุวัฒนะ ที่รับประกันขนานหนึ่งครับ
วิธีปลูกว่านเพชรใหญ่

  ใช้ดินร่วน หรือร่วนปนทราย เป็นเม็ดปลูก  โดยกลบหัวว่านพอฝังมิดเท่านั้น  รดน้ำพอเปียกทั่วครับ

สรรคุณ ว่านพระตะบะ


.ว่านพะตะบะ

 ลักษณะ
ต้นและใบคล้ายขมิ้นอ้อย  ลักษณะคล้ายใบลิ้นเสือ  คือ แข็งเป็นเหลี่ยมแบน
หัว  คล้ายๆกับขมิ้นอ้อย แต่ใหญ่กว่าเล็กน้อย
รสร้อน  มีกลิ่นฉุนแรง อย่างมาก

 สรรพคุณ

       แก้ปวดท้อง  ลงท้อง  จุกเสียดแน่น
     แก้อาการท้องร่วง อย่างรุนแรง จากบิดหรือ อหิวาอตโรค
ใช้ว่านนี้ ตำผสมกับน้ำซาวข้าว  รับประทานไปเพียงชั่วครู่ ก็จะบรรเทาและหายในที่สุด

วิธีปลูก

ใช้ดินร่วนปนทราย  หรือ ดินร่วน การปลูก ใช้ฝังหัวให้พอมิด  รดน้ำวันละครั้ง

สรรพคุณ ว่านกระแจะจันทร์(มหานิยม)


ว่านกระแจะจันทร์

 ลักษณะว่านกระแจะจันทร์
ว่านกระแจะจันทร์ ต้นและหัว เป็นพันธ์ไม้ล้มลุก มีลำต้นใต้ดิน แบบไลโซม  มีลักษณะเป็นแง่ง หรือเง่า เหมือเปราะหอม  แต่ใหญ่กว่า ยาวกว่า หัวค่อนข้างจะสั้น แผ่กระจายดังหวีกล้วย  สีของหัวว่านเป็นปนน้ำตาล เนื้อหัวมีสีนวลๆมีกลิ่นหอมอย่างมากๆ จนถึงระดับว่าหอมจนฉุน ลักษณะพุ่มและต้น ขยายแผ่ลีสวยงามมากๆ

 สรรพคุณ ว่านกระแจะจันทร์
ว่านกรแจะจันทร์ นับว่าเป็นว่านที่มีสรรพคุณ ด้านเมตตามหาเสน่ห์
ด้านเมตตามหาเสน่ห์  ท่านให้ใช้ส่วนหัว แช่น้ำกับมันจันทร์ แล้วเสกด้วย พระคาถา โดยตั้ง นะโม ๓ จบ จากนั้น เสกด้วย นะโมพุทธายะ ก่อนออกจากบ้าน ให้พกติดตัวตามความสะดวก แต่อย่าใส่กระเป๋ากางเกงนะครับ เวลาไปพบลูกค้า หรือต่อรองการค้า เข้าหาผู้ใหญ่ จีบสาวใหม่  ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ ว่านกระแจะจันทร์ จะบันดาลให้เป้าหมายเรา รู้สึกรักใคร่ พูดคุยไหลลื่น ประสบความสำเร็จสมดังประสงค์แน่นอนครับ
      สรรพคุณอื่นของว่านกระแจะจันทร์ ท่านว่านำว่านกระแจะจันทร์ โขลกให้ละเอียด ใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อทำเป็นพระเครื่อง ประเภทเมตตามหานิยม และผ่านการปลุกเสกตามวิธีการ ขลังนักแล และในอดีตว่านกระแจะจันทร์เป็นว่านที่ถูกใช้ในพระราชสำนักที่ใช้เป็นเครื่องหอม เคี่ยวเพื่อทำเป็นน้ำอบ น้ำหอม ที่ใช้กันในราชสำนักเจ้านายเท่านั้นที่ใช้กัน
      ว่านกระแจะจันทร์ จากเดิมอยู่ที่กรุงหงสาวดี ประเทศพม่า ส่วนปี พ.ศ.ไหน ผมเองกำลังอยู่ระหว่างการค้นคว้าอยู่ และหากได้ข้อมูลจะปรับปรุงอีกครั้ง

วิธีปลูก ว่านกระแจะจันทร์
๑ ดินใช้ดินกลางแจ้งสะอาดดินร่วนปนทราย หรือดินที่ผ่านการเผาไฟ (ทุบให้ละเอียด)
๒ อิฐมอญทุบหยาบๆ ใช้ ใช้ประมาณ ๔ถึง ๕ก้อน
๓ กระถางปากบาน
๔ ปุ๋ยคอก และใบไม้แห้ง
      วิธีปลูก
-ใส่อิฐมอญหยาบ รองก้นกระถางเพื่อป้องกันน้ำขัง
-ใส่ดิน ใบไม้แห้ง และ ปุ๋ยคอก คลุกเคล้าให้เข้ากัน ให้ใส่เต็มกระถาง แต่ควรใส่ต่ำกว่าขอบกระถางประมาณ ๑ นิ้ว
-นำหัวว่านมาปลูก โดยให้หัวว่านโผล่เหนือดิน เมื่อรดน้ำครั้งแรกให้ เสกพระคาถาเพื่อความขลัง และเป็นศิริมงคลแก่ผู้ปลูกดังนี้คิวะหายัง มะธุธังวาจา คิวะหาวาจันติพุทธ สิตตะวา ปิยันตุถาท่องสามจบ และควรปลูกวันจันทร์เหมาะสมที่สุดครับ








สรรพคุณ ว่านสามพันตึง(คงกระพันดี)

.ว่านสามพันตึง
 ลักษณะสามพันตึง
ต้นและใบคล้าย ขมิ้นอ้อยอย่างมาก จนบางครังพ่อค้าหัวใส นำมาปลอมหรือเปลี่ยนกัน ลักษณะหัวกลมคล้ายหัวเผือก  แต่มีขนาดใหญ่กว่ามาก  เนื้อในหัวมีสีขาว มีกลิ่นฉุนร้อน ว่านสามพันตึงนี้ มีลักษณะคล้ายว่านชักมดลูก   แต่มีข้อแตกต่าง คือแง่ง จะแตกออกมาด้านข้างอย่างมาก ในหัวว่านทั้งด้านซ้าย และด้านขวา


 สรรพคุณว่านสามพันตึง

ว่านสามพันตึง เป็นว่านที่ มีสรพพคุณว่านไปในแนวคงกระพันชาตรีก ทนต่ออาวุธทั้งปวง แต่เป็นของมีคม มีข้อแม้อยู่ว่าทนได้ได้แค่ ระยะเวลาชั่วเบาเท่านั้น (ฉี่ออกครั้งหนึ่ง) จะหมด ฤทธิ์ เป็นที่ชื่นชอบของนักเลงสมัยเก่า ที่ชอบเรื่องตีฟันกัน แต่ไมทนท่อนไม้นะครับอันนี้ผมไม่รับประกันว่ายังอยู่ในข่ายหรือไม่   แต่เรื่องของมีคมทั้งหลาย  เช่น มีด ดาบ เหล็กแหลม อันนี้แน่นอน (ไม่แนะนำให้ทดลอง ถึงแม้จะมีสรรพคุณจริง)

       ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ครับว่านสามพันตึง  ยังมีคุณอีก โดยบำรุงรักษาเกี่ยวกับไตพิการ  หากท่านมีลักษณะ ปัสสาวะมีสีขุ่นมีกลิ่นฉุน หรือ สีเหลืองออกน้ำตาลเข้ม  ปวดบั้นเอว ทั้งหลาย  นี้เป็นสัญญาณว่า มี คุณกำลังมีโอกาสเป็นโรคไตได้นะครับ อย่ารอให้เป็นหนักก่อนแล้วรักษา เพราะโรคไตนี้บอกได้คำเดียวว่าน่ากลัวมาก และเป็นภัยคุกคามคนในยุคปุจจุบันอย่างเงียบๆ ถ้ารู้แล้วก็รีบหาสมุนไพรมากินป้องกันก็ดี

   วิธีกินใช้ว่านสามพันตึง
    ฝานหัวเป็นแว่นบาง ๆ  แล้วนำไปดองกับเหล้า ก็สมารถแก้และป้องกันตามที่แจ้งสรรพคุณมานี้แล

วิธีปลูกว่านสามพันตึง

การปลูก ว่านสามพันตึง  ใช้กระถางขนาดใหญ่มาปลูก  โดยใช้ดินร่วนล้วน ๆนะครับ หรือปนทรายสักเล็กน้อยเพื่อเป็นดินปลูก  หากจะปลูกลงดิน ควรปลูกห่าง หลุมต่อหลุมประมาณ ๓๐  ถึง  ๕๐ เซนติเมตร  และควรปลูกเดือน ๕ เดือน  ๖ และทำการกู้ว่านเดือน ๑๒ 

สรรพคุณ ว่านทิพย์เนตร


ว่านทิพย์เนตร

         ลักษณะว่านทิพย์เนตร
   หัวโตเท่ามะนาว มีกลิ่นหอมเย็น หัวจะเกาะ กันเป็นข้อๆ ปลายรากมีตุ้มเก็บน้ำเลี้ยง เนื้อในหัวมีสีขาวนวล ใบป้านมน  ก้านใบมีสีแดงเรื่อๆ กาบใบหนาอวบ  ใบเขียวมีลายน้ำตาลออกม่วง


        สรรพคุณทิพย์เนตร
มีคุณสมบัติพิเศษของว่านทิพย์เนตรเกี่ยวกับโรคทางตาทุกชนิด  เช่นตาแดง  ตามัว  ตาแฉะ  ตาเป็นต้อ ริดสีดวงตา  ตาฟาง ฯลฯ โบราณท่านให้เอาว่านนี้ มาปลอกเปลือกล้างให้สะอาด  แล้วนำไปย่างไฟพอไหม้เกรียม ทั่วหัวว่าน  จากนั้นก็เอาไป แช่กับเหล้าโรง  ใส่พิมเสนเล็กน้อย ปิดผนึกใส่ภาชนะนั้นให้แน่น นำภาชนะที่ใส่เหล้านี้ไปหมกข้าวเปลือกไว้  ๓ คืนแล้วเอามาตำให้แหลก  ใช้ผ้าขาวบางบีบเอาน้ำกรองใส่ขวดเก็บไว้ใช้เป็นยาแก้สรรพโรคตาทั้งปวงได้สิ้น

วิธีปลูกทิพย์เนต
 
ว่านทิพย์เนตรนี้ชอบดินทราย  ปลูกฝังหัวให้มิดดิน พอดี  รดน้ำทุกวัน  ฤดูกาลปลูกมักเป็นเดือน ๕  เดือน ๖  และกู้ว่านเดือน  ๑๒
 
;